
ที่เที่ยวยอดนิยม เกียวโต ประวัติ เป็นอย่างไร?
ที่เที่ยวยอดนิยม เกียวโตในอดีตนั้นเคยเป็นเมืองหลวง ของประเทศญี่ปุ่น และยังเป็นศูนย์กลางของเกาะฮนซู นครโตเกียวยังเป็นสมาชิกของกลุ่มเมืองใหญ่ เคฮันชิง และนครเกียวโตแห่งนี้ มีประชากรมากเป็นอันดับ 11 ของโลกเลยทีเดียว เมืองแห่งนี้นับว่ามีความสำคัญ กับประเทศแห่งนี้เป็นอย่างมาก เพราะด้วยในอดีตนั้นนครหลวงแห่งนี้ ได้ชื่อว่า เฮฮังเกียว ซึ่งแปลว่านครอันสงบสุข
ซึ่งนครหลวงแห่งนี้ได้รับอิทธิพล มาจากราชสำนักของจีนเลยทีเดียว ที่ได้รับแรงบัลดาลใจมาจากเมืองฉางอันแห่งราชวงค์ถัง แต่มีขนาดเล็กกว่าเมืองหลวงของจีน จนกระทั่งต่อมาในปี ค.ศ. 794 ได้กลายเป็นที่ตั้งราชสำนัก
และยังเป็นจุดกำเนิดของยุคเฮอัง ของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เกียวโตแห่งนี้เองนับว่าเป็นที่ประทับของ องค์จักรพรรดิที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น ถึงแม้ระบบการปกครองของญี่ปุ่น จะขึ้นอยู่กับโชกุนหรือถ้าเทียบกับตำแหน่งปัจจุบัน นั้นก็คือนายกรัฐมนตรีนั้นเอง
โดยแต่ละยุคสมัยนั้นเมืองแห่งนี้ นับว่าเป็นศูนย์กลางทางอำนาจมาอย่างยาวนาน อย่างสงครามกลางเมืองเซนโงคุ ที่ทุกแคว้นต่างกรีฐาทัพยกมายึดเมืองแห่งนี้ เพื่อเป็นการประกาศถึงอำนาจของตนเอง โดยในเวลาต่อมานั้นเอง เกียวโตได้รับความเสียหายอย่างมาก
จากสงครามโอนินในช่วง ค.ศ. 1467 – 1477 และไม่ได้รับการบูรณะจนล่วงเลยไปถึง กลางศตวรรษที่ 16 โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ หนึ่งในผู้ปกครองที่มีอิทธิพลกับประเทศญี่ปุ่น ได้บูรณะเมืองแห่งนี้ใหม่ รวมถึงสร้างถนนที่เชื่อมต่อกับทาง ฝั่งเหนือและฝั่งใต้เพิ่มขึ้น
อีกทั้งยังปรับผังเมืองนี้ใหม่ให้เป็นสี่เหลี่ยม แทนผังเมืองแบบโบราณนั้นเอง จากนั้นเมื่อฮิเดโยชิสามารถรวบรวม ญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่นได้เขาได้เปลี่ยนให้ เกียวโตเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1869 ราชสำนักได้ย้ายจากเมืองเกียวโต
ไปยังโตเกียวแห่งใหม่ในช่วงฟื้นฟู จักรวรรดิที่ระบบโชกุนได้เสื่อมอำนาจลงไป กลายเป็นองค์จักรพรรดิเองที่มีอำนาจนั้นเอง ทำให้ช่วงเวลานี้เองบ้านเมืองในญี่ปุ่น ต่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมากมาย
จึงทำให้เมืองเกียวโตนั้นได้รับอิทธิพลไปด้วย ทำให้หลังย้ายเมืองหลวงไปนั้น เกียวโตได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ในเวลาต่อมาได้มีการขุดคลองทะเลสาบบิวะ มาหล่อเลี้ยงผู้คนในเมืองช่วงปี ค.ศ. 1890 ได้พาให้เมืองนี้กลับมาพัฒนาอีกครั้ง
จนกระทั่งมีประชากรหนาแน่นนั้นเอง อีกทั้งเมืองแห่งนี้ยังรอดจากการถูกทิ้งระเบิดปรมาณู ของสหรัฐในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เมืองแห่งนี้ได้ถูกยกเลิกไป ทำให้เมืองนี้รอดพ้นจากการถูกทิ้งระเบิด เมืองแห่งนี้จึงหลงเหลือบ้านเรือนโบราณ ให้เราได้ชมกันในปัจจุบัน จึงทำให้เมืองแห่งนี้ถูกมองว่า ยังเป็นเมืองหลวงเก่าที่มีความสำคัญ กับประเทศอยู่นั้นเอง
ที่เที่ยวยอดนิยม เกียวโตมีความสำคัญอย่างไรกับประเทศญี่ปุ่น
โดยในอดีตนั้นเมืองแห่งนี้ นับว่าเป็นศูนย์กลางทางอำนาจของประเทศญ๊่ปุ่น รวมถึงเป็นที่ประทับขององค์จักรพรรดิ ที่มีประวัติยาวนานนับพันปีเลยทีเดียว การปกครองของญี่ปุ่นนั้น องค์จักรพรรดิจะไม่มีอำนาจทางบริหาร เป็นเพียงแค่ประมุขของประเทศ จะมีเพียงโชกุนเท่านั้นที่ทำหน้าที่บริหารต่างๆ ถึงแม้ในปัจจุบันเมืองหลวงจะถูกย้ายไปโตเกียว รวมถึงราชสำนักด้วย
ทำให้เกียวโตยังเป็นสัญลักษณ์ของ ที่ประทับขององค์ จักรพรรดิมาถึงทุกวันนี้เลยทีเดียว ด้วยปราสาทที่ใหญ่โตและสถาปัตยกรรม ที่นับว่ามีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครนั้นเอง ญี่ปุุ่นได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อการเข้ามาถึงของชาติตะวันตก
ที่ต้องการค้าขายกับประเทศญี่ปุ่น แต่ด้วยประเทศแห่งนี้ได้ทำการ ปิดประเทศของตนเป็นเวลากว่าร้อยปีเลยทีเดียว จนมาถึงยุคเอโดะที่มีการเปลี่ยนแปลง ทางอำนาจครั้งใหญ่นั้นก็คือ ลดบทบาทของอำนาจโชกุนลง และไปให้อำนาจองค์จักรพรรดิแทน
สำหรับการปกครองประเทศนี้นั้นเอง จนเกิดเป็นสงครามกลางเมืองขึ้นอีกครั้ง แต่ด้วยความต่างของอาวุธนั้นเอง ที่ทางฝั่งองค์จักรพรรดิ ได้รับการสนับสนุนจากประเทศอเมริกา ในด้านอาวุธและการทหารแบบใหม่ ทำให้กองทัพองค์จักรพรรดิสามารถ
เอาชนะฝ่ายโชกุนได้โดยง่ายนั้นเอง ที่มีวิถึการรบแบบดั่งเดิมที่เป็นซามูไรนั้นเอง ทำให้ช่วงเวลาดั่งกล่าวของสังคมญี่ปุ่น ได้เปลี่ยนไปตลอดกาลเลยทีเดียว จาก ชนชั้นซามูไรที่ได้รับเกียรติต่างๆ รวมถึงสิทธิพิเศษได้ค่อยๆถูกยกเลิกไป
และการห้ามพกดาบในที่สาธารณะ ก็ถือยกเลิกไปด้วยเช่นกัน นับว่ายุคของซามูไรได้หายไปพร้อมๆกับ การตั้งเมืองหลวงใหม่ยังที่โตเกียว เหลือเพียงเมืองแห่งนี้ที่ยังคง เป็นประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษากันนั้นเอง
เกียวโตสถานที่ท่องเที่ยวเป็นอย่างไร?
เมืองแห่งนี้นับว่าเคยเป็นเมืองหลวง ของประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ในอดีต จนกระทั่งได้ย้ายราชสำนักขององค์จักรพรรดิ ที่ทำให้ต้องย้ายเมืองหลวงไปด้วยเช่นกัน จึงทำให้เมืองแห่งนี้เป็นเหมือน รากฐานทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ที่มีมาอย่างยาวนานแล้วนั้นเอง สถาปัตยกรรมต่างๆภายในเมือง นับว่าเป็นมรดกจากยุคสมัยต่างๆ ที่ทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็น เมืองอันเป็นมรดกแห่งชาติเลยทีเดียว
ทำให้เมืองแห่งนี้จึงกลายเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง ของการมาท่องเที่ยวญี่ปุ่นเลยทีเดียว สถานที่ท่องเที่ยวแรกคือ วัดกินคะคุจิ ( Ginkakuji Temple ) หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า วัดเงิน ซึ่งมีอายุมากถึง 500 ปี วัดแห่งนี้เป็นวัดนิกายเซน
ถูกสร้างขึ้นโดยโชกุน อาชิคากะ โยชิมาสะ ( Ashikaga Yoshimasa ) วัดแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่ง ของประเทศเลยทีเดียว อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย ที่แห่งนี้ยังมีห้องชงชา
ซึ่งเป็นรากฐานของการชงชาญี่ปุ่น จนมาถึงปัจจุบันนั้นเอง จึงทำให้ที่แห่งนี้เป็นศาสตร์แห่งการเรียนรู้ วิธีการชงชาในแบบธรรมเนียมญี่ปุ่น ถึงขั้นโชกุนมีความสนใจที่ศึกษาการชงชา ยังที่วัดแห่งนี้เลยทีเดียว ด้วยที่ตั้งของวัดแห่งนี้อยู่บนที่สูง
ทำให้ได้เห็นวิวเมืองเกียวโตได้แบบ ทั่วถึงเลยทีเดียว สถานที่ต่อไปคือ วัดคินคะคุจิ ( Kinkaku – Ji ) หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ วัดทอง เป็นวัดที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต อีกทั้งยังเป็นตำนาน การ์ตูนอันโด่งดัง นั้นคือ อิคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญานั้นเอง
ด้วยความสวยงามของปราสาททองคำ ที่ตั้งอยู่กลางสระน้ำซึ่งเป็น เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของวัดแห่งนี้ ความเก่าแก่ของที่นี้พาให้เรา ได้เห็นประวัติศาสตร์ภายด้านใน ผ่านสถาปัตยกรรมปราสาทแห่งนี้ รวมถึงหลักฐานที่บ่งบอกถึง อิคิวซังที่มีตัวตนอยู่จริง
ในประเทศญี่ปุ่นนั้นเอง อีกทั้งวัดแห่งนี้นับว่าเกิดร่วมกับ วัดเงิน ที่อยู่ในเมืองแห่งนี้ด้วยนั้นเอง เราไปกันต่อที่ วัดน้ำใส ( Kiyomizu Temple ) หรือเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งคือ วัดคิโยะมิซุ ( Kiyomizu Temple ) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง
ที่มีธรรมชาติล้อมรอบวัดแห่งนี้ เพราะ ด้วยความหมายของชื่อวัดนี้คือ น้ำบริสุทธิ์ ที่มาจากน้ำตกไหลผ่านเนินเขา ลงมาในบริเวณวัดนั้นเอง และยังมีความเชื่อว่าหากได้มา ไหว้ขอพรที่วัดแห่งนี้ ก็จะปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากชีวิต ตามความหมายของชื่อนั้นเอง
นอกจากนี้วัดแห่งนี้ได้ถูกขึ้นทะเบียน มรดกโลกเลยทีเดียว นับว่าเป็นจุดชมวิวอีกแห่งหนึ่ง ของเกียวโตที่พาให้เราได้เห็นดอกไม้เปลี่ยนสี ที่มีความสวยงามเป็นอย่างมากนั้นเอง สถานที่สุดท้ายคือ หมู่บ้านมิยาบะ ( Miyama ) เป็นหมู่บ้านอันเก่าแก่
ที่อยู่ห่างจากเมืองเกียวโตไป 30 กิโลเมตร อีกทั้งยังเป็นหมู่บ้านโบราณ ที่ถูก อนุรักษ์เอาไว้ และที่ใกล้กันนั้นคือ คายาบูกิ โน ชาโตะ ( Kayabuki no Sato ) เป็นจุดที่มีบ้านโบราณประมาณ 40 หลัง นับว่าเป็นบ้านตัวอย่างแบบ คายาบูกิดั้งเดิมที่อนุรักษ์กันมา
หลายร้อยปีมาแล้วนั้นเอง ปัจจุบันบ้านเก่าแก่เหล่านั้นยังมีผู้คน อาศัยอยู่ด้วยนั้นเอง สถานที่ท่องเที่ยวของเกียวโต ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ยังคงมี สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และธรรมชาติอีกมากที่ทำให้ เมืองแห่งนี้เป็นเมืองมรดกของญี่ปุ่นนั้นเอง
ปัจจุบันเกียวโตเป็นอย่างไร?
ด้วยการที่เป็นเมืองวัฒนธรรมอันเก่าแก่แล้ว ที่แห่งนี้ยังเคยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ จนกระทั่งการย้ายเมืองหลวงไป ทำให้ช่วงแรกนั้นเมืองแห่งนี้ประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่ในเวลาต่อมาที่เมืองนี้ได้รับการบูรณะใหม่
ทำให้เมืองแห่งนี้ยังคงคึกคัก และมีการผันเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ จนทำให้มีประชากรภายในเมืองนี้มีมาก ติดอันดับที่มีจำนวนประชากรมากนั้นเอง นอกจากนี้ยังถือได้ว่าเป็นเมือง ต้นกำเนิดอารยธรรม ญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์ มาอย่างยาวนานนั้นเอง
สรุปการท่องเที่ยวในเกียวโตเป็นอย่างไร?
เมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยธรรมชาติ และวัฒนธรรมที่เก่าแก่ อีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นที่พาให้ใครหลายคน รู้สึกหลงใหลกับการมาเที่ยวญี่ปุ่น เพราะด้วยอากาศบริสุทธิ์ของที่นี้ รวมถึงสถาปัตยกรรมต่างๆภายในเมือง แสดงให้เห็นถึงคุณค่าวัฒนธรรม ที่มีมาอย่างยาวนานแล้วนั้นเอง ด้วยช่วงเวลาหนึ่งของญี่ปุ่นเอง ที่ได้เดินทางศึกษาตำราและศาสตร์ต่างๆ จากประเทศจีนนำกลับมาตั้งเมืองหลวง
ในที่แห่งนี้จนปัจจุบันได้กลายเป็น อีกเมืองหนึ่งที่สำคัญของญี่ปุ่นนั้นเอง จึงทำให้มองว่า เกียวโต เป็นมรดกจากยุคสมัยของโชกุน ที่ถือว่าเป็นผู้นำสำคัญที่คอยกำหนด ทิศทางของประเทศนี้มาอย่างยาวนาน รวมถึงองค์พระ จักรพรรดิ
ที่ถูกยกสถานะให้เป็นเหมือนสมมุติเทพ เป็นประมุขของประเทศแห่งนี้นั้นเอง พาให้เราเห็นร่องรอยประวัติศาสตร์ ของประเทศแห่งนี้ที่ถูกบันทึกผ่าน สถาปัตยกรรมของเมืองนี้นั้นเอง